“เสือดาวหิมะ” (Snow Leopard) สัตว์นักล่าที่มีพฤติกรรมสุดแปลก “ชอบงับหางตัวเอง”

“เสือดาวหิมะ” (Snow Leopard) สัตว์นักล่าที่มีพฤติกรรมสุดแปลก “ชอบงับหางตัวเอง”

ตรงนี้ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ..แต่ถ้าอ่านก็ดีนะเพื่อทำความรู้จักกับเสือสายพันธุ์นี้ก่อน : เสือดาวหิมะ (Snow leopard) ชื่อวิทยาศาสตร์ Panthera uncia ความยาวลำตัว 90-135 ซม. ความยาวเฉพาะหาง 90 ซม. ความสูง 60 ซม. น้ำหนักเฉลี่ยตัวผู้และตัวเมีย 45 กิโลกรัม อายุขัย 21 ปี


ถิ่นอาศัยภูมิภาคเอเชียกลางบนภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม เช่น มองโกเลีย อัฟกานิสถาน จีน รัสเซีย อินเดีย และเนปาล ปัจจุบันคาดว่า มีเสือดาวหิมะหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 4,000-6,500 ตัวเท่านั้น

เพราะจากการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี ค.ศ.1905-1952 ก่อนที่จะมีกฏหมายคุ้มครองสัตว์ป่าแบบจริงจัง เสือดาวหิมะ มีราคาสูงถึงตัวละ 1.5 ล้านบาท (ถูกล่าเอาขน) แต่หากร่างไหนไม่สวยก็ราคากว่า 3 แสนบาทแล้ว ทำให้ในแต่ละปี มีเสือดาวหิมะต้องตายจากการถูกล่ามากกว่า 1,000 ตัว และด้วยการถูกล่าอย่างหนักจึงทำให้ตอนนี้พวกมันอยู่ในสถานะเสียงต่อการสูญพันธุ์ (Extinction Risk)

ความพิเศษเกี่ยวกับขน : สามารถเก็บความร้อนได้เป็นอย่างดีทนต่ออุณหภูมิต่ำกว่า -25 องศาเซลเซียสได้แบบสบาย ๆ อีกทั้งขนตามลำตัวที่ฟูตลอดเวลายังช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการกระโจนไป-มาตามโขดหินด้วย (กระโดดได้สูงถึง 6 เมตร และกระโจนได้ไกลกว่า 15 เมตร)
และสาเหตุที่มันชอบงับหางตัวเองก็เพราะ ?


ตอบ : ทาง NatGEO บอกว่า ทั้งการงับหาง การเล่นกับหาง รวมถึงการนำหางมาพันรอบคอ เป็นเพราะพวกมันต้องการสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเอง ย้อนกลับไปก่อนที่จะถูกจับมายังสวนสัตว์ ถิ่นอาศัยของพวกมันคือพื้นที่หนาวเย็น ซึ่งหางที่ยาวเกือบ 1 เมตร และมีความหนากว่า 2 นิ้ว (หนากว่าขนบริเวณลำตัว 2 เท่า) จึงทำให้ทั้งนุ่มและอุ่นสุด ๆ พวกมันเคยชินกับการใช้หางของตัวเองเป็นทั้งของเล่น ผ้าพันคอ ผ้าห่มตอนนอน และเมื่อพวกมันถูกมนุษย์จับมาอนุรักษ์ไว้ ที่แม้จะอยู่ในพื้นที่อากาศอบอุ่นแล้ว แต่ก็ยังติดนิสัยเล่นกับหางหรืองับหางไว้เพราะความเคยชินนั่นเอง
ความแปลกยังไม่หมดแค่นั้น


ทุกคนรู้หรือไม่ว่า ? ทั้งเสือและแมวคือสัตว์ที่จัดอยู่ในวงศ์ (Family) เดียวกัน ตามการจำแนกทางชีววิทยา ชื่อว่า “ฟิลิดี” (Felidae) โดยแบ่งเป็น 4 สกุลหลัก คือ 1.แพนเทอรา (Panthera) 2.ฟีลีส (Felis) 3.นีโอฟีลีส (Neofelis) 4.อาซินโอนิกซ์ (Acinonyx) แต่เจ้าเสือดาวหิมะอยู่ในสกุลที่ 5.อันเซีย (Uncia) ซึ่งมีแต่มันเท่านั้นที่อยู่ในสกุลนี้ ใช่ครับมันพีคมาก เพราะตอนแรกมันถูกจัดให้อยู่ในสกุลที่ 1.แพนเทอรา (Panthera) ซึ่งจุดเด่นของเสือสกุลนี้คือการเปล่งคำราม แต่เยื่อในลำคอของเจ้าเสือดาวหิมะยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงทำให้มันไม่สามารถเปล่งเสียงคำรามได้ โดยทำได้แค่เพียงส่งเสียงร้อง โฮ๊ก ~ ~ ~ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกจัดให้อยู่ในสกุลที่ 5.อันเซีย (Uncia) สุดพิเศษนี้นั่นเอง

Fact – แมวบ้านที่เราเลี้ยงกันในปัจจุบัน จัดอยู่ในสกุลที่ 2.ฟีลีส (Felis) เป็นสกุลที่มีขนาดตัวเล็กที่สุด และไม่สามารถคำรามได้เช่นกัน แต่ยังสามารถส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ ได้ และร้องเหมียว ๆ ได้

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“Nemo Point” (นี่ไม่ใช่จุดหาปลานีโม่) แต่มันคือจุดที่ห่างไกลผู้คนที่สุดในโลก !

รูปภาพ
“Nemo Point” (นี่ไม่ใช่จุดหาปลานีโม่) แต่มันคือจุดที่ห่างไกลผู้คนที่สุดในโลก ! “Nemo Point” (จุดนีโม่) คือบริเวณอ้างว้างกลางมหาสมุทรแปซิฟิค ในเขตซีกโลกใต้ ซึ่งห่างไกลจากแผ่นดินทุกด้านอย่างน้อย 2,700 กิโลเมตร และชื่อสุดโดดเด่นนี้ก็มาจากภาษาลาติน แปลว่า “No one” (ไร้คน) เพราะคงไม่มีคนทะลึ่งไปอยู่ในพื้นที่ปราศจากแผ่นดินแบบนี้แน่นอน ภาพท้องทะเลจริง ๆ ณ จุดนีโม่ เป็นการแข่งขัน The Ocean Race – เรือยอชต์รอบโลกโดยใช้เพียงพลังลม ซึ่งทีม Redbull และอีกหลาย ๆ ทีมก็แล่นเรือผ่านจุดนี้ด้วย และด้วยการที่มันห่างไกลแบบสุด ๆ จึงทำให้ถูกเลือกเป็น “สุสานอวกาศ” เพราะเคยมีการตั้งคำถามว่า “ถ้าสิ่งประดิษฐ์ขนาดยักษ์ของมนุษย์อย่าง ‘สถานีอวกาศนานาชาติ ISS’ เกิดตกสู่โลกและปลดประจำการล่ะ จะนำไปทิ้งที่ไหน ? คำตอบคือ ‘ก็ต้องทิ้งลงในจุดที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้คนที่สุดสิ ข้อมูลทุกอย่างจึงชี้ไปยัง ‘จุดนีโม่’ นี้นั่นเอง” ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1971-2016 มียานอวกาศหรือดาวเทียมหมดอายุที่ใช้งานแล้ว ตกสู่ผิวโลกในบริเวณดังกล่าวมากกว่า 263 ลำ โดยวัตถุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสุสานแห่งนี้คือ สถานีอวกาศเมียร์ (Mir) ของรัสเซีย หนัก 120 ตั...
อ่านเพิ่มเติม